วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551

Grade 11 World literature 1: comparative essay

การเขียนเรียงความเชิงเปรียบเทียบ ขั้นตอนในการวางแผน
๑. กำหนดชื่อเรื่อง ซึ่งนักเรียนต้องอ่านหนังสือทั้งสามเรื่องก่อนให้ละเอียด กระจ่างว่าควรจะพิจารณาเปรียบเทียบองค์ประกอบด้านใดดี
๒. เมื่อได้มโนทัศน์ (concept) ในเรื่องที่จะศึกษาก็ตั้งชื่อเรื่องให้เน้นที่ความคิดที่เราจะเปรียบเทียบก่อน (Focus)
๓. เมื่อได้ชื่อเรื่องที่สุดแสนจะเก๋ไก๋แล้วไม่ไร้สาระ ต้องตามคอนเซ็ปต์ที่ตั้งไว้ ก็เริ่มเขียนคำนำโดยมีรูปแบบตามแบบการเขียนของแต่ละคน เช่น
แบบที่หนึ่ง อาจจะเขียนนิยามความหมายหัวข้อหรือทฤษฎีที่เราจะนำมาเปรียบเทียบ เช่น สัญลักษณ์คือ........ ตัวละครในวรรณกรรมหมายถึง.................ตามด้วยเรื่องทั้งสองเรื่องที่เราตั้งใจจะเปรียบเทียบตามทฤษฎีที่กล่าวมานั้นมาลักษณะเหมือนกันในด้านนี้ ได้แก่..........และมีลักษณะแตกต่างในการพิจารณาตามทฤษฎี ได้แก่........................... (แบบที่หนี่งนี้ถือว่าเชยมาก แต่ก็ได้รับความนิยมในระดับงานเขียนวิชาการที่ต้องการความเป็นแบบฉบับ และเรียบง่าย เป็นขั้นเป็นตอน)
แบบที่สอง อาจจะเขียนอธิบายลักษณะการเปรียบเทียบของนักเรียนเองว่าต้องการเปรียบเทียบ และพิจารณาเรื่องทั้งสองเรื่องด้านใดบ้าง เช่นทั้งสองเรื่องนี้มีโครงเรื่องเหมือนกัน หากแต่การนำเสนอกลวิธีด้านมุมมองต่างกัน หรือทั้งสองเรื่องตัวละครเอกมีลักษณะนิสัยตัวละครเหมือนกัน หากแต่มีบทบาทในการดำเนินเรื่องต่างกันในด้าน....... (ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับชื่อเรื่องหรือเรื่องที่นักเรียนต้องนำเสนอ)
แบบที่สาม อาจจะใช้กลวิธีต่างๆที่ทำให้เรื่องที่เราจะเขียนเปรียบเทียบน่าสนใจมากขึ้น เช่น เริ่มด้วยข้อความสำคัญ (Quote) ของทั้งสองเรื่องที่มีลักษณะคล้ายหรือเหมือนกัน โดยสอดคล้องกับชื่อเรื่องหรือคอนเซ็ปต์ที่ตั้งไว้ (วิธีนี้เลิศมากกกกก ขอคอนเฟิร์ม) หรือสนทนาของตัวละครทั้งสองเรื่องที่จะนำเข้าสู่ชื่อเรื่อง หรือคอนเซ็ปต์ของเรื่อง ได้เช่นเดียวกัน
ถ้าครูมีไอเดียหรือเทคนิคการเขียนคำนำให้น่าสนใจจะมานำเสนอให้เป็นระยะค่ะ
๔. เมื่อได้คำนำนั้นก็คือการตั้งสมมติฐานในการศึกษาเปรียบเทียบของทั้งสองเรื่องแล้ว ก็นำคำKey wordsในคำนำนั้นแหละค่ะ มาเขียนเนื้อเรื่อง (Body) โดยควรวางแผนว่าแต่ละย่อหน้าจะนำเสนอเนื่อหาในคำนำอย่างไร และจะนำข้อความสำคัญ (Quote) มาใช้อย่างไน นั่นก็คือนักเรียนต้องจดจำหรือโน้ตไว้ว่าข้อความใดสำคัญที่ควรจะพิจารณา อย่าเล่าเรื่องหรือแปลเรื่องจาก Quoteมิมีประโยชน์ เพราะไม่ใช่การวิเคราะห์ วิจารณ์
๕. สรุปก็ควรจะย้อนขึ้นไปดูว่าคำนำเราเขียนว่าอย่างไร เนื้อหาสาระเป็นอย่างไร จากนั้นก็สรุปผลการศึกษาวรรณกรรมทั้งสองเรื่องว่ามีปัจจัยใดที่ทำให้สองเรื่องมีความเหมือนกัน และแตกต่างกัน และควรนำเสนอข้อคิดเห็นหรือความรู้ที่เราได้ศึกษาวรรณกรรมนี้ทั้งสองเพิ่มเติมคุณค่าของการเปรียบเทียบเรื่องสองเรื่องแนวคิดใดเป็นสำคัญและควรศึกษา

เมื่อได้อ่านบทความนี้ ครูก็หวังว่างานเขียนเปรียบเทียบวรรณกรรมโลกที่จะส่งในวันที่ 4 มีนาคมนี้อย่างน้อยก็มีเนื้อหาสาระ และเรียบเรียงได้ถูกต้องเป็นงานเขียนที่สมบูรณ์ทั้งเอกภาพ สัมพันธภาพและมีสารัตภาพนะคะ